ศรีวรรณแม่ลูกดก ตั้งท้องลูกคนที่ 7 (ลูกคนที่ 5 เสียชีวิต) ฝากครรภ์ตามนัดสม่ำเสมอ ลูกกับแม่แข็งแรงดีไม่มีโรคแทรก แต่พยาบาลเขียนระบุว่าเป็นครรภ์ความเสี่ยงสูง (HIGH RISK) เนื่องจากศรีวรรณมีน้ำหนักเพิ่มจากเดิมถึง 23.6 กก.(จาก 60 เป็น 83.6 กก.)
*กฎหมายบัญญัติให้พยาบาลทำคลอดได้เฉพาะการคลอดปกติ ยกเว้นครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
25 ก.ย. 52
ครบกำหนด ปวดท้องคลอด จึงไปคลอด ที่รพ.ตาคลี เป็นการคลอดที่ลำบากและปวดมากผิดจากท้องก่อน ๆ ที่ เคยมีประสบการณ์มา
เมื่อเวลา 13.40 น.
ขณะ ที่ปากมดลูกขยายเต็มที่แล้ว พยาบาลได้เจาะถุงน้ำคร่ำและระบุว่ามีขี้เทาเล็กน้อยในน้ำคร่ำ ซึ่งเป็นอาการของเด็กในท้องที่กำลังมีปัญหาได้ แต่ก็ไม่มีหมอมาประเมินเพื่อนำศรรีวรรณไปผ่าตัดแต่อย่างใด
ศรี วรรณต้องทนทุกข์ต่อความเจ็บปวด เนื่องจากเด็กในท้องมีขนาดใหญ่ คลอดลำบาก แม้หัวเด็กจะคาอยู่ปากช่องคลอด แต่ก็ยังออกมาไม่ได้ แม้ศรีวรรณจะพยายามเต็มที่จนหมดแรง และมีพยาบาลช่วยกันขย่มกดหน้าท้องใต้ราวนม และมีการช่วยดึงกันนานทุลักทุเล
จนลูกคลอดออกมาได้ ในสภาพที่กระดูกไหปลาร้าหักทั้งสองข้าง และปอดสำลักขึ้เทา มีน้ำหนักมากถึง 4,080 กรัม ต้องได้รับการดูแลในตู้อบที่มีอ๊อกซิเจน 100 % และได้รับการดูแลเรื่องปอด เรื่องการหายใจอยู่ในรพ. 4 วันจึงกลับบ้านได้ ขณะที่ศรีวรรณกลับบ้านไปในสภาพที่ปวดหลังร้าวไปที่ขาและเดินกระเผลก ลุกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ปัจจุบัน
ศรี วรรณยังมีอาการบาดเจ็บปวดหลังร้าวไปที่ขา ขณะที่ลูกไหปลาร้าติดแต่ยังมีเสียงดัง และต้องเข้าออกรพ.บ่อย ๆ เพื่อรักษาเรื่องปอดอักเสบเรื้อรัง และหลอดลมอักเสบจากการสำลักขี้เทา ต้องนอนรพ.ถึง 3 ครั้งเป็นเวลาหลายวันในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอาการปอดอักเสบเรื้องรังนั้นอาจเป็นตลอดชีวิต ลูกจะมีอาการหอบบ่อย ป่วยบ่อย ทำให้ศรีวรรณไม่เป็นอันทำมาหากิน
ศรีวรรณแม่ลูกดก ตั้งท้องลูกคนที่ 7 (ลูกคนที่ 5 เสียชีวิต) ฝากครรภ์ตามนัดสม่ำเสมอ ลูกกับแม่แข็งแรงดีไม่มีโรคแทรก แต่พยาบาลเขียนระบุว่าเป็นครรภ์ความเสี่ยงสูง (HIGH RISK) เนื่องจากศรีวรรณมีน้ำหนักเพิ่มจากเดิมถึง 23.6 กก.(จาก 60 เป็น 83.6 กก.)
*กฎหมายบัญญัติให้พยาบาลทำคลอดได้เฉพาะการคลอดปกติ ยกเว้นครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
25 ก.ย. 52
ครบกำหนด ปวดท้องคลอด จึงไปคลอด ที่รพ.ตาคลี เป็นการคลอดที่ลำบากและปวดมากผิดจากท้องก่อน ๆ ที่ เคยมีประสบการณ์มา
เมื่อเวลา 13.40 น.
ขณะ ที่ปากมดลูกขยายเต็มที่แล้ว พยาบาลได้เจาะถุงน้ำคร่ำและระบุว่ามีขี้เทาเล็กน้อยในน้ำคร่ำ ซึ่งเป็นอาการของเด็กในท้องที่กำลังมีปัญหาได้ แต่ก็ไม่มีหมอมาดูศรีวรรณแม้แต่คนเดียว
ศรีวรรณต้องทนทุกข์ ต่อความเจ็บปวด เนื่องจากเด็กในท้องมีขนาดใหญ่ คลอดลำบาก แม้เธอจะพยายามเต็มที่จนหมดแรงก็คลอดไม่ได้ หัวเด็กคาอยู่ปากช่องคลอด มีพยาบาลช่วยกันขย่มกดหน้าท้องใต้ราวนม และมีการช่วยดึงกันนานทุลักทุเล
จนลูกคลอดออกมาได้ ในสภาพที่กระดูกไหปลาร้าหักทั้งสองข้าง และปอดสำลักขึ้เทา มีน้ำหนักมากถึง 4,080 กรัม ต้องได้รับการดูแลในตู้อบที่มีอ๊อกซิเจน 100 % ได้รับการดูแลเรื่องปอด เรื่องการหายใจอยู่ในโรงพยาบาล 4 วันจึงกลับบ้านได้ ศรีวรรณกลับบ้านไปในสภาพที่ปวดหลังร้าวไปที่ขาและเดินกระเผลก ลุกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ปัจจุบัน
ศรี วรรณยังมีอาการปวดหลังร้าวไปที่ขา ขณะที่ลูกคนที่ 7 ต้องเข้าออกรพ.เพื่อรักษาเรื่องหลอดลมอักเสบบ่อย จากการสำลักขี้เทา ต้องนอนรพ.ถึง 3 ครั้งเป็นเวลาหลายวันในช่วงเวลา 1ปีที่ผ่านมา
ทางรพ.มอบเงินให้ศรีวรรณ 6 หมื่นบาท และได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามม.41 จากสปสช. 3 หมื่นบาท รวม 9 หมื่นบาท
การ ที่ลูกเจ็บป่วยบ่อยไข้สูง หอบ ต้องพ่นยา ทำให้เธอต้องหยุดงานขายเสื้อผ้ามือสอง พาลูกไปรพ.บ่อย ๆ และบางครั้งต้องอยู่นานหลายวัน ทำให้เงินจำนวน 9 หมื่นบาทนั้นไม่เพียงพอต่อการดูแลรักษาลูก และการดำรงชีวิตที่มีลูกต้องดูแลถึง 6 คนในวัยกำลังกินกำลังนอน
เธอจึงต้องมาขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง เธอบอกว่าหากมีพรบ.เธอจะไม่มาฟ้องศาล เนื่องจากนานหลายปีกว่าจะต่อสู้คดีจบ
*กฎหมายบัญญัติให้พยาบาลทำคลอดได้เฉพาะการคลอดปกติ ยกเว้นครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
25 ก.ย. 52
ครบกำหนด ปวดท้องคลอด จึงไปคลอด ที่รพ.ตาคลี เป็นการคลอดที่ลำบากและปวดมากผิดจากท้องก่อน ๆ ที่ เคยมีประสบการณ์มา
เมื่อเวลา 13.40 น.
ขณะ ที่ปากมดลูกขยายเต็มที่แล้ว พยาบาลได้เจาะถุงน้ำคร่ำและระบุว่ามีขี้เทาเล็กน้อยในน้ำคร่ำ ซึ่งเป็นอาการของเด็กในท้องที่กำลังมีปัญหาได้ แต่ก็ไม่มีหมอมาประเมินเพื่อนำศรรีวรรณไปผ่าตัดแต่อย่างใด
ศรี วรรณต้องทนทุกข์ต่อความเจ็บปวด เนื่องจากเด็กในท้องมีขนาดใหญ่ คลอดลำบาก แม้หัวเด็กจะคาอยู่ปากช่องคลอด แต่ก็ยังออกมาไม่ได้ แม้ศรีวรรณจะพยายามเต็มที่จนหมดแรง และมีพยาบาลช่วยกันขย่มกดหน้าท้องใต้ราวนม และมีการช่วยดึงกันนานทุลักทุเล
จนลูกคลอดออกมาได้ ในสภาพที่กระดูกไหปลาร้าหักทั้งสองข้าง และปอดสำลักขึ้เทา มีน้ำหนักมากถึง 4,080 กรัม ต้องได้รับการดูแลในตู้อบที่มีอ๊อกซิเจน 100 % และได้รับการดูแลเรื่องปอด เรื่องการหายใจอยู่ในรพ. 4 วันจึงกลับบ้านได้ ขณะที่ศรีวรรณกลับบ้านไปในสภาพที่ปวดหลังร้าวไปที่ขาและเดินกระเผลก ลุกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ปัจจุบัน
ศรี วรรณยังมีอาการบาดเจ็บปวดหลังร้าวไปที่ขา ขณะที่ลูกไหปลาร้าติดแต่ยังมีเสียงดัง และต้องเข้าออกรพ.บ่อย ๆ เพื่อรักษาเรื่องปอดอักเสบเรื้อรัง และหลอดลมอักเสบจากการสำลักขี้เทา ต้องนอนรพ.ถึง 3 ครั้งเป็นเวลาหลายวันในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอาการปอดอักเสบเรื้องรังนั้นอาจเป็นตลอดชีวิต ลูกจะมีอาการหอบบ่อย ป่วยบ่อย ทำให้ศรีวรรณไม่เป็นอันทำมาหากิน
ศรีวรรณแม่ลูกดก ตั้งท้องลูกคนที่ 7 (ลูกคนที่ 5 เสียชีวิต) ฝากครรภ์ตามนัดสม่ำเสมอ ลูกกับแม่แข็งแรงดีไม่มีโรคแทรก แต่พยาบาลเขียนระบุว่าเป็นครรภ์ความเสี่ยงสูง (HIGH RISK) เนื่องจากศรีวรรณมีน้ำหนักเพิ่มจากเดิมถึง 23.6 กก.(จาก 60 เป็น 83.6 กก.)
*กฎหมายบัญญัติให้พยาบาลทำคลอดได้เฉพาะการคลอดปกติ ยกเว้นครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
25 ก.ย. 52
ครบกำหนด ปวดท้องคลอด จึงไปคลอด ที่รพ.ตาคลี เป็นการคลอดที่ลำบากและปวดมากผิดจากท้องก่อน ๆ ที่ เคยมีประสบการณ์มา
เมื่อเวลา 13.40 น.
ขณะ ที่ปากมดลูกขยายเต็มที่แล้ว พยาบาลได้เจาะถุงน้ำคร่ำและระบุว่ามีขี้เทาเล็กน้อยในน้ำคร่ำ ซึ่งเป็นอาการของเด็กในท้องที่กำลังมีปัญหาได้ แต่ก็ไม่มีหมอมาดูศรีวรรณแม้แต่คนเดียว
ศรีวรรณต้องทนทุกข์ ต่อความเจ็บปวด เนื่องจากเด็กในท้องมีขนาดใหญ่ คลอดลำบาก แม้เธอจะพยายามเต็มที่จนหมดแรงก็คลอดไม่ได้ หัวเด็กคาอยู่ปากช่องคลอด มีพยาบาลช่วยกันขย่มกดหน้าท้องใต้ราวนม และมีการช่วยดึงกันนานทุลักทุเล
จนลูกคลอดออกมาได้ ในสภาพที่กระดูกไหปลาร้าหักทั้งสองข้าง และปอดสำลักขึ้เทา มีน้ำหนักมากถึง 4,080 กรัม ต้องได้รับการดูแลในตู้อบที่มีอ๊อกซิเจน 100 % ได้รับการดูแลเรื่องปอด เรื่องการหายใจอยู่ในโรงพยาบาล 4 วันจึงกลับบ้านได้ ศรีวรรณกลับบ้านไปในสภาพที่ปวดหลังร้าวไปที่ขาและเดินกระเผลก ลุกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ปัจจุบัน
ศรี วรรณยังมีอาการปวดหลังร้าวไปที่ขา ขณะที่ลูกคนที่ 7 ต้องเข้าออกรพ.เพื่อรักษาเรื่องหลอดลมอักเสบบ่อย จากการสำลักขี้เทา ต้องนอนรพ.ถึง 3 ครั้งเป็นเวลาหลายวันในช่วงเวลา 1ปีที่ผ่านมา
ทางรพ.มอบเงินให้ศรีวรรณ 6 หมื่นบาท และได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามม.41 จากสปสช. 3 หมื่นบาท รวม 9 หมื่นบาท
การ ที่ลูกเจ็บป่วยบ่อยไข้สูง หอบ ต้องพ่นยา ทำให้เธอต้องหยุดงานขายเสื้อผ้ามือสอง พาลูกไปรพ.บ่อย ๆ และบางครั้งต้องอยู่นานหลายวัน ทำให้เงินจำนวน 9 หมื่นบาทนั้นไม่เพียงพอต่อการดูแลรักษาลูก และการดำรงชีวิตที่มีลูกต้องดูแลถึง 6 คนในวัยกำลังกินกำลังนอน
เธอจึงต้องมาขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง เธอบอกว่าหากมีพรบ.เธอจะไม่มาฟ้องศาล เนื่องจากนานหลายปีกว่าจะต่อสู้คดีจบ